เราจะรู้สึกถึงอาการ “อึดอัด” นี้ ในชั่วขณะหนึ่ง รู้สึกว่าระดับความมั่นใจติดลบฉับพลัน อ้ำอึ้งไม่รู้จะเริ่มยังไงดี บางคนรู้สึกว่าอาการนี้มันเกิดขึ้น กับตัวเอง มากกว่าเกิดขึ้นกับคนอื่น มันรู้สึกหนักๆ ทำตัวไม่ถูก เราพยายามปรับตัวให้เข้ากับสังคม ทำให้ดูเหมือนว่ามันเป็นปกติ เเต่มันดูเหมือนว่ามันยากต่อสมอง ต่อร่างกาย ต่อระบบทางเดินอาหาร เหมือนเราพยายามฝืนธรรมชาติของมันอยู่ สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นได้อย่างไร?
Awkward (อ๊อคเวิร์ด) ถ้าแปลเเบบตรงๆก็คือ อาการงุ่มง่าม,เชื่องช้า,เคอะเขิน,เก้งก้าง,ไม่รู้จะทำอย่างไรดี,อึดอัดใจ,อันตราย,ยากที่จะจัดการได้,ไม่สะดวก,ไม่เหมาะ พอไปใช้กับคำว่า Awkward age มันจะหมายถึง “วัยหนุ่มวัยสาวแรกเริ่ม” ที่ไม่รู้ว่าจะเติบโตในเส้นทางไหนดี
จากบทความของหนังสือที่มีชื่อว่า Awkward ของ Ty Tashiro แท้จริงแล้วอาการนี้คือ ส่วนหนึ่งของวิวัฒนาการของมนุษย์ ตั้งแต่สมัยยุคล่าสัตว์ เพื่อที่จะเข้าสู่สังคม การที่เราตอบรับ เช่น การขอบคุณเมื่อคนอื่นให้ของ หรือการรอคิวที่จะรับอาหารเป็นเทคนิคที่ใช้รักษาความสัมพันธ์ของคนในกลุ่ม ไม่ให้ดูแปลกเเยก ซึ่งเป็นวิธีที่ทำให้พวกเขามีชีวิตรอด
เค้าคิดถึงตัวเองนะ? เป็นสิ่งที่ “ดูเหมือน” จะเป็นคำถามจากแฟนของคุณ เเต่ถ้าคุณตอบเเค่ “อืม”หรือ ไม่ตอบอะไรเลย มีหวังเรื่องเล็กๆนี้อาจกลายเป็นเรื่องยาว
เช่นเดียวกัน…เเฟนของคุณต้องการเช็คถึงความปลอดภัยในความสัมพันธ์ของคุณ
ปัจจุบันเรายังคงรู้สึกถึงการโต้ตอบเล็กๆในน้อยแบบนี้เช่นคำถามว่า…ช่วงนี้สบายดีไหม ? แล้วเราก็ตอบมันอย่างอัตโนมัติว่า “สบายดี” เพื่อรักษาความรู้สึกเป็นปกติเอาไว้ และเป็นสัญญาณของการตอบรับในเชิงเคารพ แต่เมื่อคุณรู้สึกต่างไป คุณไม่ได้รู้ “สบายดี” จริงๆอย่างที่บอกไป ความรู้สึกอึดอัด รู้สึกไม่เป็นธรรมชาติของตัวเองจึงเกิดขึ้น
สำหรับบางคน การตอบรับด้วยการฝืนธรรมชาติเพื่อรักษาธรรมชาติของสังคมแบบนี้เป็นเรื่องที่ยาก
ตัวอย่างเช่นการมองตาเวลาพูดคุยกัน การศึกษาพบว่า eye contact ในระหว่างการสนทนาที่ถูกต้องจะใช้เวลาประมาณ 3.3 วินาทีแต่สัญชาตญาณของคน Awkward ไม่เป็นเช่นนั้น พวกเขาเลือกที่จะมองส่วนอื่นบนใบหน้าแทน เช่น คาง หู ซึ่งอาจจะทำให้คนที่คุยด้วยรู้สึกแปลกๆและได้รับสารผิดเพี้ยนไป
แต่ข่าวดีก็คือการที่สมองไม่สามารถสั่งให้เราโต้ตอบในลักษณะแบบสังคมทั่วไปนี้เป็นสัญญาณว่า มันอาจทำงานได้ดีในเรื่องอื่นแทน ?
นักวิจัยเกี่ยวกับคนที่เป็นออทิสติกโชว์ให้เห็นว่าคนเหล่านี้จะสามารถวิเคราะห์แบบแผนบางอย่างได้ดีและมีการแก้ปัญหาบางอย่างได้สุดยอด คล้ายๆกับคน Awkward ที่มักจะมีความชอบอะไรบางอย่างเป็นพิเศษ รู้อย่างลึกซึ้ง ซึ่งมันแสดงผลในลักษณะเดียวกันกับเด็กพิเศษที่มีอัจฉริยะในการเรียนรู้
คนที่ Awkward ต้องการรู้จักและรู้ลึกในสิ่งที่เขาสนใจและสามารถใช้เวลาอยู่กับสิ่งนั้นนานกว่าคนทั่วๆไป
คน Awkward มีประมาณ 15 เปอร์เซ็นต์ของประชากร การเข้าใจปัญหาของคนเหล่านี้จะมีส่วนสำคัญมากในการพัฒนาหุ่นยนต์ AI ซึ่งนักวิทยาศาสตร์พยายามปรับปรุงเเก้ไขให้มันอยู่ในรูปแบบที่สมบูรณ์ที่สุด แต่ก็พบว่าหุ่นยนต์เหล่านั้นไม่ค่อยเข้าใจพฤติกรรมของมนุษย์สักเท่าไหร่ บางครั้งมันก็เข้าใกล้คนมากเกินไป และชอบขัดจังหวะในเวลาที่ไม่เหมาะสม ซึ่งหมายความว่าหุ่นยนต์พวกนี้ มีพฤติกรรมแบบ Awkward เช่นกัน
นักวิจัยพยายามแก้ปัญหาในจุดนี้โดยสอนให้หุ่นยนต์พยายามเข้าใจพฤติกรรมมนุษย์ทั่วไป คล้ายๆการสอนภาษาที่ 2 ให้กับมัน และจะให้รางวัลกับหุ่นยนต์ที่สามารถโต้ตอบกับมนุษย์ได้อย่างเป็นธรรมชาติ และไม่ Awkward
Sources : healthland.time.com, www.rug.nl
0 comments on “ศาสตร์ของ…ความเงียบที่รู้สึกอึดอัดๆ “Awkward””